บาเยิร์นออกสตาร์ตได้ดีและขึ้นนำตั้งแต่นาที 11 จากลูกยิงของ คอนราด ไลเมอร์ แม้รูปเกมโดยรวมจะเป็นเจ้าถิ่นที่กดดันได้มากกว่า โดยสตุ๊ตการ์ทเคยส่งบอลเข้าประตูไปแล้วจาก นิโคลัส นาร์เตย์ แต่ VAR ฟันธงล้ำหน้าแบบเฉียดฉิว ขณะที่ช่วงทดเจ็บ เชม่า ก็มีโอกาสใกล้เคียงสุดๆ เช่นกัน

ครึ่งหลัง สตุ๊ตการ์ทยังโหมหนัก โดย เดนิซ อุนดาฟ ที่กำลังลุ้นเรียกความมั่นใจเพื่อแย่งตำแหน่งในทีมชาติเยอรมนี ซัดเต็มข้อในนาที 59 แต่ถูก โยนาส เออร์บิก ปัดชนคานออกไป ก่อนที่จุดเปลี่ยนจะเกิดขึ้นเมื่อ โธมัส ทูเคิล ส่ง เคน ลงสนามนาทีที่ 60

ดาวยิงทีมชาติอังกฤษใช้เวลาไม่นานก็สร้างความต่าง ซัดประตูแรกของตัวเองด้วยลูกยิงเรียดนาที 66 ก่อนที่ โยซิป สตานิซิช จะยิงเบาๆ แต่ อเล็กซานเดอร์ นือเบล รับหลุดมือกลายเป็นสกอร์ 3-0

นาที 80 เจ้าถิ่นมาเหลือ 10 คน เมื่อ โลร็องซ์ อัสซินญง ทำแฮนด์บอลในเขตโทษและโดนใบแดง เคน รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ก่อนมาปิดท้ายแฮตทริกจากจังหวะต่อบอลสุดสวยของ ไมเคิล โอลิเซ ในนาที 88 ทำให้ยอดรวมของเขาในปี 2025 พุ่งเป็น 58 ประตู มากที่สุดในหนึ่งปีตลอดอาชีพค้าแข้งของเจ้าตัว

หลังเกม เคน เผยว่าการเป็นสำรองไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคย แต่เข้าใจเหตุผลของโค้ชที่ต้องการให้ทีมมีพลังงานเต็มที่ในช่วงท้ายเกม “เรามีเกมหนักในบอลถ้วยกลางสัปดาห์ และวันนี้ก็เจอหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในลีก แต่เราดูแข็งแกร่งกว่าในครึ่งชั่วโมงสุดท้ายและลงโทษพวกเขาได้”

ชัยชนะนัดนี้ส่งให้ บาเยิร์น เก็บเพิ่มเป็น 37 คะแนน นำห่าง ไลป์ซิก 11 แต้ม ก่อนทั้งคู่จะหันไปเตรียมความพร้อมสำหรับศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบน็อกเอาต์ในสัปดาห์หน้า.